ทำธุรกิจออนไลน์อย่างไรให้ปัง จนยอดขายพุ่งกระฉูด
Online Business

ในตอนนี้โลกออนไลน์ได้มีการพัฒนาเป็นอย่างมาก จนมีธุรกิจบนโลกออนไลน์และสร้างรายได้ให้กับคุณได้เช่นกัน ซึ่งธุรกิจออนไลน์อาจจะไม่จำเป็นต้องมีสำนักงาน หรือไม่ต้องมีพนักงานขาย แต่อาจจะต้องใช้เงินทุนในการเติบโตและเวลาในการเป็นที่รู้จักของลูกค้า
ธุรกิจออนไลน์อะไรคือ ?
การขายสินค้า / บริการบนเว็บไซด์ ไม่ว่าจะขายสินค้าบนเว็บไซด์ที่ลงทุนเสียเงินทำเอง การนำสินค้าไปฝากขายกับ แอพพลิเคชั่น ตลาดออนไลน์ต่างๆ
การตลาดออนไลน์
เรียนรู้การทำ Content Marketing คุณจะต้องใช้สื่อเหล่านี้ในการทำให้ผู้คนเห็นและรู้จักสินค้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ การนำเสนอ Content ควรจะนำเสนอออกมาให้ได้หลายๆรูปแบบไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอหรือภาพอินโฟกราฟิก
สร้างความน่าเชื่อถือจากระบบออฟไลน์สู่ออนไลน์ การขายสินค้าบนโลกออนไลน์อาจจะไม่ใช่คำตอบของลูกค้าเสมอไปเพราะอาจจะมีความเสี่ยงที่จะโดนหลอกหรือของไม่ตรงปก ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อใจและเลือกใช้บริการของเรา

ประเภทของเว็บไซต์ธุรกิจ
- เว็บไซต์ขายสินค้า เป็นรูปแบบมี่คนนิยมทำกันมากที่สุด เพราะเพียงแค่คุณนำสินค้ามาแสดงบนเว็บไซต์ บอกรายละเอียดและราคา พร้อมตกแต่งให้ดูสะดุดตาก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าด้วย
- เว็บไซต์เพื่อการโฆษณา ไม่ใช่การขายสินค้าบนเว็บไซต์เราแต่เป็นการแนะนำร้านของเราคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น
- เว็บไซต์ข่าวสาร เป็นเว็บที่แจ้งข่าวสารในแต่ละวัน และเราสามารถซื้อพื้นที่เพื่อทำการโฆษณาแบรนด์ของเราได้
- เว็บ Blog โปรโมทสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นการรีวิวสินค้าต่างๆ blog ในรูปแบบนี้มักจะได้รับความนิยม เพราะคนส่วนใหญ่ก็มักจะดูรีวิวก่อนที่จะซื้อสินค้า
- เว็บตลาดประกาศขาย เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ในรูปแบบของการเป็นสื่อกลาง เพื่อให้ผู้คนได้มาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือแสดงความคิดเห็นกัน
- เป็นผู้ประกาศขายด้วยตัวเอง โดยการนำสินค้าเข้าไปขายในตลาดออนไลน์ เมื่อเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น จึงเริ่มออกมาเปิดตลาดออนไลน์เป็นของตัวเอง

ข้อดีและข้อเสียของธุรกิจออนไลน์
ข้อดี
- ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้
- ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเช่าที่หรือค่าจ้างพนักงาน
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก
- สร้างแบรนด์ของตัวเองได้
- ทำที่ไหนก็ได้ หรือเวลาไหนก็ทำได้
- สร้างรายได้มากกว่างานประจำ
- สามารถชำระได้หลายช่องทาง
ข้อเสีย
- มีการแข่งขันสูง
- ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องเทคโนโลยี
- ต้องมีเวลาเพื่อการโปรโมทบ่อยๆ
- มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าหน้าร้าน
- บางทีระบบคอมพิวเตอร์อาจจะทำให้การชำระเงินไม่ปลอดภัย
- ไม่สามารถขายแพงกว่าท้องตลาดได้เพราะจะทำให้สินค้าขายออกยาก
- เกิดการขายตัดราคา

การใช้แพลตฟอร์มเพื่อการโปรโมท
การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
เว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญของการธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน และก็ยังเป็นหน้าร้านที่ดีและเสถียรมากที่สุด นอกจากนี้หากแบรนด์ไหนสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ได้ดี ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบบนโลกออนไลน์อีกด้วย
สื่อสารแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจ
แม้จะมีแพลตฟอร์มมากมายที่ผู้คนทั่วโลกใช้ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในทุกๆแพลตฟอร์ม เพราะถ้าคุณรู้ว่าแพลตฟอร์มไหนที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าที่คุณต้องการได้ดีที่สุด ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้
1. Facebook เป็นช่องทางที่มีผู้เล่นลงชื่อเข้าใช้งานที่เป็น active user ต่อเดือนถึง 1.59 พันล้านผู้ใช้ และมีธุรกิจมากมายที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการโปรโมทและขายสินค้า เพราะเฟสบุ๊คเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถทำได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นลงรูป วิดีโอ หรือแม้กระทั่งไลฟ์สด แต่ผู้ใช้สมัยใหม่เริ่มหันไปใช้ Social Media แพลตฟอร์มอื่นกันมากขึ้นแล้ว ซึ่งก็แปลว่าการเข้าถึงตลาดบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอาจจะลดน้อยลง
2. Twitter แม้ทางทวิตจะจำกัดตัวอักษรจะต้องใช้คำที่กระชับและเข้าใจง่าย แต่ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่มีผู้เข้าใช้งานมากว่า320 ล้าน ซึ่งทางธุรกิจก็จะสามารถใช้ในการตอบคำถามหรือโปรโมทข่าวสารใหม่ๆ
3. YouTube เป็นแหล่งรวมที่มีคลิปวิดีโอมากที่สุด และมีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน การตลาดที่สามารถทำได้ใน youtube นั้น จะต้องเป็นวีดีโอแน่นอน โดยการซื้อโฆษณาในยูทูปจะถูกกว่าโฆษณาในทีวี จึงเหมาะกับทุกธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น
4. Instagram มีผู้ใช้จำนวนมากนิยมใช้ในการโพสต์ท่องเที่ยว แฟชั่น อาหาร ศิลปะ ฯลฯ โดยจุดขายของไอจีคือ รูปภาพ ดังนั้นภาพที่จะใช้โพสต์จะต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี อาจจะเป็นรูปภาพถ่ายหรือภาพกราฟิก แต่จะต้องเป็นรูปที่ดูดีเห็นแล้วสะดุดตา นอกจากรูปภาพแล้วถัดมาก็จะเป็นเรื่องของแคปชั่นเขียนแคปชัน 2-3 บรรทัดแรก ให้น่าดึงดูดอ่านแล้วอยากอ่านต่อ
5. Tiktok ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่นิยมทั่วโลกในปี ค.ศ. 2018 โดยจุดเด่นจะอยู่ที่การสร้างวิดีโอสั้นๆภายใน1 นาที และส่วนมากผู้เข้าใช้จะนิยมรับชมความบันเทิงมากกว่ารับสาระและโดยการตลาดจะเป็นการใช้แฮชแท็กเพื่อตามเทรนต่างๆ
6. Line ในตอนนี้มี [email protected] ที่เป็นเครื่องมือในการช่วยสื่อสารที่แยกมาจาก LINE ที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันสื่อสารในที่นี้คือ การแจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น แนะนำสินค้าและบริการใหม่ ๆ คอยตอบคำถามและทำหน้าที่เหมือนคอลเซ็นเตอร์
ถ้าหากคุณอยากที่จะได้เว็บไซต์เป็นธุรกิจออนไลน์ของคุณเองละก็เราสามารถช่วยทำเว็บไซต์ให้ธุรกิจของคุณได้ และเรา TECHeX พร้อมที่จะรับฟังปัญหาของคุณเสมอ
